ย้อนเวลากลับไป ในช่วงที่ผมกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 ที่คณะวิศวกรรมเคมี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี) ผมได้มีโอกาสฝึกงาน ณ บริษัท บุญเยี่ยมและสหาย จำกัด ผู้จัดจำหน่าย หม้อไอน้ำ (Boiler) และอุปกรณ์ไอน้ำ ประสบการณ์ครั้งนี้เปรียบเสมือนบทเรียนอันล้ำค่าที่หล่อหลอมความคิดและทิศทางในชีวิตของผม สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดคือ การได้เห็นวิศวกรรุ่นพี่หลายท่านทุ่มเทการทำงานในรูปแบบและยังมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน บางท่านประจำออฟฟิศ บริหารควบคุมดูแลงานต่างๆ บางท่านลงพื้นที่หน้างานเพื่อควบคุมงานติดตั้ง ซ่อมบำรุง และที่ดีมากกว่านั้นคือ รุ่นพี่เหล่านี้มักพาผมออกไปปฏิบัติงานจริง ในการติดตั้ง ซ่อมแซมและล้างหม้อไอน้ำ ประสบการณ์เหล่านี้ กลายเป็นจุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจสำคัญในชีวิตผม

หลังจากจบการฝึกงาน ทางบริษัทเสนอให้ผมทำงานเป็นพนักงานเขียนแบบ ชั่วคราว เป็นลูกจ้างรายวัน วันไหนว่างจากการเรียนก็ไปทำ บทบาทนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างระบบไอน้ำทั้งหมด กระตุ้นให้ผมศึกษาเพิ่มเติมควบคู่ไปกับการเรียน และในช่วงนั้นพวกเรามีโอกาสเข้าร่วมทำกิจกรรมของภาควิชา จัดนิทรรศการทางวิชาการ ในหัวข้อเรื่อง โครงการผลิตและการใช้ไอน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ (The Efficient Use of Steam) นำเสนอต่อสาธารณชน และในครั้งนั้นพวกเราได้แปลหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งชื่อว่า “การผลิตและการใช้ไอน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ” นำมาเขียนและเรียบเรียงใหม่ จากความเข้าใจที่มี แล้วให้อาจารย์ช่วยตรวจสอบอีกรอบ ก่อนนำมาพิมพ์จัดจำหน่ายในงาน ปรากฏว่าหนังสือขายดิบขายดีเกินคาด รายได้จากหนังสือเล่มนี้สร้างความตื่นเต้นและดีใจให้กับพวกเราเป็นอย่างมาก พวกเราตัดสินใจใช้เงินจากการขายหนังสือไปฉลองความสำเร็จ เราพากันไปกินข้าว เที่ยว หลายรอบ พวกเรามีความสุขเต็มไปด้วย เสียงหัวเราะ รู้สึกดีใจและภูมิใจกับผลงาน จากประสบการณ์เหล่านี้ เปรียบเสมือนประกายไฟที่จุดชนวนให้เกิดการทำงานเป็นทีมแบบ “Make Money and Have Fun” ครั้งแรกในชีวิต เป็นจุดเริ่มต้นบทใหม่ของการทำงานร่วมกัน ที่ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นผลลัพธ์ทางการเงิน แต่ยังเน้นความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ไปพร้อมกับการบรรลุเป้าหมาย

หลังจากจบการศึกษา พวกเราต่างมุ่งมั่นวางแผนสู่จุดหมายปลายทาง สู่การทำงานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นงานทางด้าน วาล์ว(Valve), เครื่องตรวจวัด(Instrument), ปั๊ม(Pump), หม้อไอน้ำ(Boiler), อุปกรณ์ไอน้ำ เพื่อพัฒนาตนเอง ผ่านประสบการณ์จริงจากการทำงานในบริษัทชั้นนำ ที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และยังรวมถึงการไปเรียนรู้เสริมทักษะทางด้านช่าง พวกเราเชื่อมั่นว่า ประสบการณ์เหล่านี้จะเป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง นำพาพวกเราไปสู่ความสำเร็จในสายงานที่เลือก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า วันหนึ่ง พวกเราจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง พร้อมแบ่งปันประสบการณ์อันล้ำค่า แลกเปลี่ยนความรู้ และร่วมสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ต่อไป

การรวมตัวเริ่มขึ้นอีกครั้ง

ตัวตั้งตัวตีในการจัดตั้ง บริษัท คือ คุณวิศิษฐ์ พิริยมานันท์ แต่ตอนนี้เค้าเสียชีวิตไปแล้ว เป็นคนเรียกเพื่อนๆ ให้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งและจดทะเบียน ในนาม บริษัท อัลฟ่ากรุ๊ป จำกัด โดยแรกเริ่มบริษัท ตั้งอยู่แถว วรจักร ป้อมปราบ สินค้าที่เริ่มจำหน่าย คือ หน้าแปลนที่เป็นมาตรฐานเยอรมัน (DIN Standard)

หลังจากนั้น คุณสมบูรณ์ อุ่ยตระกูล เริ่มมองหาสินค้านำเข้าจากต่างประเทศมาจำหน่าย แรกๆ ก็จะเป็นกลุ่มของวาล์วที่เป็นมาตรฐานเยอรมัน จากยุโรป และยังคงมองหาสินค้าที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมควบคู่กันมาอีกหลากหลายประเภท เช่น กับดักไอน้ำ (Steam Trap), อุปกรณ์รับการขยายตัวของท่อร้อน (Expansion Joint) การเลือกสินค้าเข้ามานั้น พวกเราจะช่วยกันมองหาและคัดสรรเพื่อให้ตรงต่อการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยด้วย บางกลุ่มสินค้าพวกเราต้องบินไปยังโรงงานผู้ผลิต เพื่อเยี่ยมชมโรงงาน และได้ดูถึงกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ก่อนจะทำการเซ็นสัญญาเพื่อเป็นคู่พันธมิตรกัน ทำให้ อัลฟ่ากรุ๊ป ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ในหลากหลายแบรนด์หลัก ซึ่งในช่วงแรกๆนั้น พวกเราจะทำหน้าที่เป็นพนักงานขาย ส่งของ เก็บเงิน สรุปง่ายๆคือในรูปแบบกระบวนการทำงานทั้งหมดของบริษัท จะดำเนินและจัดการบริหารกันเอง

เมื่อบริษัทเริ่มโตขึ้น เราตัดสินใจย้ายบริษัทมาจัดตั้งกันที่หมู่บ้านปรีชา ข้างๆโรงพักหัวหมาก เป็นทาวน์เฮาส์ ตึกแถว 1 ห้อง ส่วนของด้านซ้ายเราทำเป็นออฟฟิศ และด้านขวาเราใช้เก็บสต็อกสินค้า และเริ่มจ้างพนักงานให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการระบบงานต่างๆ ให้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น จนสามารถดำเนินมาได้ 4-5 ปี พบปัญหาในเรื่องของ พื้นที่จัดเก็บสินค้าเริ่มไม่เพียงพอ พวกเราจึงซื้อทาวน์เฮาส์เพิ่มอีกหลัง แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการจัดเก็บสินค้า เนื่องจากธุรกิจเริ่มเติมโตขึ้นเรื่อยๆ การสต็อกสินค้าก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจซื้อตึกแถวเพิ่มที่หมู่บ้านรุ่งกิจวิลลา ถนนสุขาภิบาล 3 จำนวน 3 ห้อง เพื่อไว้เก็บสต็อกสินค้าโดยเฉพาะ และไปเช่าสำนักงานออฟฟิศเพิ่มที่อาคารจิตต์อุทัยบนถนนรามคำแหง

ปัญหาครั้งยิ่งใหญ่

บริษัทของพวกเราเริ่มต้นเหมือนหลายๆ บริษัท ก้าวไปอย่างมั่นคง เผชิญปัญหาอุปสรรคบ้างตามประสา แต่ทว่าคลื่นลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้าใส่ในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 นั้น ยากจะหาสิ่งใดเปรียบเทียบได้ ตอนนั้น บริษัทของพวกเรามีสำนักงานอยู่ที่อาคารจิตต์อุทัย ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตค่าเงินบาทลอยตัว ผลที่ตามมาคือ อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐพุ่งสูงจาก 25 บาท เป็น 56 บาทในชั่วพริบตา ทันใดนั้น หนี้สินของบริษัทก็พุ่งสูงขึ้นเป็นสองเท่า คู่ค้าต่างประเทศเริ่มสูญเสียความมั่นใจในสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย จึงทยอยเรียกเก็บเงินที่ค้างชำระ บริษัทจำเป็นต้องเร่งชำระหนี้สินท่ามกลางสภาพคล่องที่ตึงเครียด ยิ่งไปกว่านั้น ธนาคารยังไม่สามารถเปิด L/C (Letter of Credit) ให้กับบริษัทของเราได้ หมายความว่า บริษัทต้องจ่ายเงินสดให้กับผู้ผลิตก่อนเท่านั้น จึงจะได้รับสินค้า

ในช่วงตอนนั้นพวกเราเหมือนหยุดชะงักทำอะไรไม่ได้ สินค้าที่อยู่ในสต๊อกหากนำไปจำหน่ายในช่วงเวลานี้ ก็ไม่สามารถนำเงินเข้ามาใช้หนี้ได้ทัน เนื่องจากมีช่วงเวลาในการเก็บเงินลูกค้า ในส่วนของพนักงานก็เริ่มมีความวิตกกังวลในสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท ด้วยสถานการณ์ที่บีบคั้น บริษัทจำเป็นต้องตัดสวัสดิการบางอย่างออก แต่ในส่วนของเงินเดือนพนักงานทุกคน บริษัทยังคงจ่ายเต็มจำนวนให้อย่างไม่ขาด พวกเราพยายามทุกวิถีทาง ประคับประคองบริษัทให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไป ท่ามกลางความยากลำบาก สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป ค่าเงินบาทเริ่มแข็งค่า สภาพคล่องทางการเงินกลับมาคลี่คลาย บริษัทของพวกเราก็กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

อัลฟ่ากรุ๊ปที่ ซอยนวลจันทร์

หลังจากผ่านพ้นอุปสรรคและบริษัทยังคงขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้า อีกหนึ่งความท้าทายที่เราเผชิญคือระบบการจัดการภายใน เนื่องจากสถานที่จัดเก็บสินค้ากระจายอยู่หลายแห่ง ส่งผลต่อการทำงานที่ยุ่งยากและสินค้าคงคลังที่เพิ่มมากขึ้น จึงมีแนวคิดใหม่เกิดขึ้นคือ การรวมทุกอย่างไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของสำนักงานออฟฟิศ ส่วนของพื้นที่ที่ใช้ในการจัดเก็บสินค้า รวมถึงส่วนของเวิร์คช็อป เซอร์วิส (Workshop Service) สำหรับงานซ่อมบำรุงที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ พวกเราเริ่มมองหาที่ดินขนาดใหญ่ในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทางของทุกคน สุดท้ายก็มาพบกับที่ดินอันสมบูรณ์แบบในซอยนวลจันทร์ 34

แม้จะมีความรู้และประสบการณ์ด้านวิศวกรรมที่สั่งสมมา แต่พวกเราก็ไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมในสายงานด้านอื่นๆ เช่น งานบัญชี งานบริหารทรัพยากรบุคคล และระบบไอที พวกเราเริ่มรับสมัครบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเพื่อขับเคลื่อนงานในแต่ละแผนกให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่น พวกเราตัดสินใจขยายสาขาไปยังจังหวัดระยอง โดยเริ่มต้นจากการเช่าตึกแถวหนึ่งห้อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ นอกจากการจำหน่ายสินค้าสำหรับงานอุตสาหกรรม เรายังให้บริการเช่าเครื่องมือซ่อมบำรุง และพัฒนาเป็นทีม On-Site Bolting Service & On-Line Leak Sealing Service ที่พร้อมให้บริการ พร้อมคำปรึกษา และ การฝึกอบรม การใช้งานเครื่องมือ Torque/ Tension อย่างมืออาชีพ บริการครบวงจรนี้ช่วยตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุด ธุรกิจที่สาขาระยองเติบโตอย่างรวดเร็ว ยอดขายและจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานที่เดิม ในส่วนของพื้นที่เริ่มไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงตัดสินใจซื้อที่ดินเพื่อสร้างอาคารสำนักงาน โกดังเก็บสินค้า และพื้นที่ เวิร์คช็อป เซอร์วิส (Workshop Service) บนเนื้อที่ 3 ไร่ ใกล้ นิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุด

ด้วยความสำเร็จที่สาขาระยอง พวกเราตัดสินใจขยายสาขาอัลฟ่ากรุ๊ปไปยังโคราช หาดใหญ่ และลำปาง เพิ่มเติม ส่งผลให้ปัจจุบัน อัลฟ่ากรุ๊ปมี 4 สาขา และพนักงานรวมกว่า 200 คน

อัลฟ่ากรุ๊ป ดำเนินธุรกิจมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเป็นยุคสมัยที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทอัลฟ่ากรุ๊ปเองก็มีการปรับตัวและพัฒนาเพื่อรองรับสภาพการณ์ใหม่ๆ เพื่อให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีการนำระบบงาน ERP Real Cloud มาช่วยปฏิรูปรูปแบบของการทำงาน เพื่อตอบสนองความต้องการและการเติบโตขององค์กรได้อย่างเต็มที่ในอนาคต อีกทั้งยังมีในเรื่องการปรับปรุงผังโครงสร้างขององค์กรใหม่ และยังรวมถึง การก่อตั้งบริษัทใหม่ซึ่งอยู่ในเครืออัลฟ่ากรุ๊ป การพัฒนาปรับปรุงทุกรูปแบบนี้ล้วนแล้วแต่เป็นนโยบายของทีมผู้บริหารที่ผสมผสานแนวคิดร่วมกันระหว่างพวกผมซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหารรุ่งก่อตั้งและกลุ่มผู้บริหาร Generation 2 ที่มุ่งเน้นให้บริษัทมีการพัฒนาและเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ

อัลฟ่ากรุ๊ป ในทุกวันนี้ พวกเราก็คือ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าด้านวาล์ว ปั๊มน้ำ และอุปกรณ์เครื่องมือวัดสำหรับอุตสาหกรรมที่หลากหลาย พร้อมทั้งให้บริการหลังการขายเช่น การซ่อมบำรุง การจัดสัมมนาเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กับลูกค้าทั้งในและนอกสถานที่ ด้วยทีมวิศวกรและช่างที่มีประสบการณ์ยาวนาน นั่นเอง

จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ อัลฟ่ากรุ๊ปมีมุมมองในแง่ของความสำเร็จของแต่ละบุคคลที่ต้องมีจะประกอบไปด้วย 3 ด้าน เริ่มต้นจากด้านที่ 1 คือ ความรู้ ด้านที่ 2 คือ ทักษะ และด้านที่ 3 คือ ทัศนคติ ถ้าบุคคลใด มีพื้นฐานของสามเหลี่ยมแห่งความสำเร็จนี้แล้ว เชื่อว่าบุคคลนี้ทำอะไรก็สามารถประสบความสำเร็จได้ พวกเราจึงยึดสามเหลี่ยมนี้เป็นสามเหลี่ยมของ อัลฟ่ากรุ๊ป ตลอดมา

ในปัจจุบันนี้ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆ พวกเราก็ยังเชื่อมั่นว่าสุดท้ายแล้วเราก็ต้องกลับมายังจุดเริ่มต้นนั่นคือ black to the basics เปรียบเช่นว่า ถึงแม้เราจะทำงานร่วมกับ AI แต่สิ่งที่คุณต้องมีควบคู่ไปด้วยคือ ฐานข้อมูลทางด้านความรู้ในเรื่องราวนั้นๆ เพื่อจะได้สามารถประยุกต์ทักษะที่มี ในการเข้าร่วมทำงานกับ AI นี่คือทัศนคติที่ถูกต้อง ถึงจะต่อยอดให้เดินควบคู่กับธุรกิจได้