เมื่อปี 1957 ที่รัฐมินิโซตา มีการระบาดครั้งใหญ่ของโรคปอดอักเสบในหมู่ผู้ร่วมประชุมทหารอเมริกัน (American Legion convention) ที่เมืองฟีลาเดลเฟียสหรัฐอเมริกา ต่อมาในปี 1976 มีผู้ป่วย 182 ราย เสียชีวิต 29 ราย อีก 6 เดือนต่อมา McDade JE และคณะ จึงได้พบเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุจากปอดของผู้เสียชีวิต จึงเป็นที่มาของชื่อ “Legionella pneumophila”

อาการโดยรวมของผู้ติดเชื้อ ก็จะมีลักษณะที่คล้ายกับผู้ป่วยที่ติดโรคโควิค-19 ในยุคปัจจุบัน นั้นก็คือ ไอ หายใจติดขัด และอาจมีอาการอาเจียนร่วมด้วยแล้วแต่บางราย แต่สำหรับโรคลีเจียนเลล่าจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และไม่แพร่เชื้อจากคนสู่คนเหมือนอย่างโรคโควิด-19  ซึ่งสมัยก่อนก็เป็นโรคที่อุบัติขึ้นมาใหม่ ทำให้ไม่ทราบว่าเชื้อโรคนั้นคืออะไร จึงมีคนจำนวนมากต้องเสียชีวิตไป

เชื้อลีเจียนแนร์นี้ จะอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำธรรมชาติต่างๆ จำนวนของเชื้อโรคที่อาศัยตามธรรมชาตินั้นน้อยจนไม่สามารถทำให้ร่างกายของคนติดเชื้อได้ แต่มันจะมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เชื้อโรคชนิดนี้ เติบโตและขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วนั่นก็คือ อุณหภูมิ นั่นเอง

จากรูปแล้วจะเห็นได้ว่า เชื้อลีเจียนแนร์ จะเติบโตได้ดีที่สุดในช่วงอุณหภูมิของน้ำที่ 35- 45°C ถ้าหากต้องการให้น้ำตามธรรมชาติมีอุณหภูมิขนาดนั้น สภาพอากาศต้องมีอุณหภูมิที่มากกว่าน้ำไปอีก 10°C ได้  ดังนั้น การที่จะทำให้อุณหภูมิสูงได้ขนาดนั้น ก็คือเราจะต้องต้มน้ำ  โดยทั่วไป โรงแรมโรงพยาบาลหรือสถานที่ต่างๆ จะต้มน้ำและเก็บไว้ในถัง storage ก็เพื่อเอามาใช้เป็นน้ำร้อนกันที่อุณหภูมิ 40- 45°C เพราะหากต้มน้ำให้ร้อนกว่านี้เพื่อฆ่าเชื้อ ก็อาจทำให้ลวกผิวหนังผู้ใช้งานได้ และอีกอย่างเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย แต่กลับกลายเป็นว่าอุณหภูมิที่ 40- 45°C นี้ เป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดที่ทำให้เชื้อลีเจียนแนร์เติบโตได้อย่างรวดเร็วที่สุด

จึงทำให้ ASHRAE (American Society of Heating, Refrigerating and Air-Conditioning Engineers) ได้ออกมากำหนดแนวทางว่า หากจะต้องต้มน้ำเพื่อใช้ในอาคารตามโรงแรมหรือโรงพยาบาล ต้องต้มน้ำที่อุณหภูมิ 60°C และจ่ายน้ำที่ตรงก๊อกน้ำที่อุณหภูมิ 50°C เพื่อต้องการให้เชื้อลีเจียนแนร์ตาย แต่มันก็เกิดคำถามว่า น้ำร้อนขนาดนี้มันจะไม่ร้อนจนลวกมือเราเหรอ?

ระยะเวลาที่ผิวหนังเราสามารถทนความร้อนได้จากการโดนน้ำลวกนั้น จะสัมพันธ์กับอุณหภูมิของน้ำ นั่นคือ ถ้าน้ำร้อนมาก ระยะเวลาที่ผิวหนังเราจะทนต่อน้ำร้อนได้ก็จะน้อยลง นั้นแปลว่า ถ้าเราโดนน้ำที่ 60°C ลวกใส่ผิวเพียงแค่ 2 วินาที ก็ทำให้ผิวหนังของเราไหม้ได้แล้ว นี่ยังไม่รวมถึงหากผู้สูงอายุ หรือ เด็กเล็กๆ โดนน้ำร้อนลวก จะเป็นแผลพุพองขนาดไหน

ดังนั้นแล้ว เพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้ที่จะเกิดขึ้น ทั้งเชื้อโรคและน้ำร้อนลวก อุปกรณ์ที่จะช่วยได้นั่นคือ DRV

ซึ่ง DRV ย่อมาจากคำว่า Digital Re-circulating Valve แปลกันตรงๆ คือ วาวล์ที่ใช้สำหรับการหมุนเวียนน้ำโดยระบบดิจิตอล  DRV เป็นวาล์ว 3 ทาง ที่ใช้ควบคุมอุณหภูมิของน้ำอย่างอัจฉริยะ  ก็เพราะความสามารถในการปรับปริมาตร ขาเข้าของน้ำเย็นและน้ำร้อนเพื่อมาผสมกัน และ จ่ายน้ำออกไปในอุณหภูมิที่ต้องการตามค่าที่ set ไว้ โดยไม่ต้องกังวลว่าอุณหภูมิของน้ำที่ออกมาจะไม่คงที่

การทำงานของเครื่องทำน้ำร้อน DRV นี้คือ จะช่วยผสมน้ำร้อนและน้ำเย็นจากทางขาเข้าของตัววาล์ว ให้น้ำที่ผสมออกมาตามอุณหภูมิที่กำหนด ซึ่งถ้าหากปัจจุบันท่านยังคงใช้การต้มน้ำร้อนจากระบบ Heat pump และเกิดปัญหาของอุณภูมิน้ำที่ได้มาไม่คงที่ ตัวเครื่องทำน้ำร้อน DRV นี้ก็จะช่วยให้การผสมน้ำร้อนออกมาตามอุณหภูมิที่กำหนดไว้นั้นเอง โดยใช้ระบบดิจิตอลสั่งการในการทำงาน

THE BRAIN® DIGITAL RECIRCULATION VALVE (DRV)
ภายใต้แบรนด์ “ARMSTRONG”
เครื่องทำน้ำร้อนด้วยระบบดิจิตอล เทคโนโลยีใหม่… สำหรับควบคุมระบบน้ำร้อนทั้งหมดของโรงแรมและโรงพยาบาล

ทางอัลฟ่ากรุ๊ปขอแนะนำการติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อน Digital Recirculating Valve (DRV) นี้ จะเหมาะกับโรงแรมหรือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ที่มีจำนวนห้องพักเป็นจำนวนมาก ซึ่งกำลังเริ่มต้นวางระบบการทำน้ำร้อนใหม่ หรือ มีการ Renovate จะเหมาะสมกับเทคโนโลยีนี้เป็นอย่างยิ่ง  การติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อน Digital Recirculating Valve (DRV) เพียงตัวเดียว ก็สามารถช่วยควบคุมระบบทำน้ำร้อนได้ทั้งหมด ตอบโจทย์การใช้งานแน่นอน